ตอน เขา........แค่เผลอไปกับใจผม - ตอน เขา........แค่เผลอไปกับใจผม นิยาย ตอน เขา........แค่เผลอไปกับใจผม : Dek-D.com - Writer

    ตอน เขา........แค่เผลอไปกับใจผม

    เรื่องของผมเป็นอีกเรื่องที่ใครๆ หลายๆ คนคงได้ประสบพบเจอกันมาบ้างไม่มากก็น้อย เรื่องของผมเพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นานนัก ซึ่งเขาบอกว่า “ผมไม่ได้เป็นแบบพี่นะ” นั่นเป็นพูดที่ไม่น่าจะหลุดออกมาจากปากของเขาคนนั้น

    ผู้เข้าชมรวม

    66

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    66

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  13 ก.ย. 58 / 21:51 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    สวัสดีค่ะ ท่านนักอ่านทุกท่าน เรื่องที่เขียนต่อไปนี้ ได้เค้าโครงมาจากคนคนหนึ่งที่อยากจะตีแผ่เรื่องของตนเอง เรามาเป็นกำลังใจให้เขาก้าวผ่านวิกฤติของชีวิตกันนะค่ะ

    เรื่องของผมเป็นอีกเรื่องที่ใครๆ หลายๆ คนคงได้ประสบพบเจอกันมาบ้างไม่มากก็น้อย เรื่องของผมเพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นานนัก ซึ่งเขาบอกว่า “ผมไม่ได้เป็นแบบพี่นะ” นั่นเป็นพูดที่ไม่น่าจะหลุดออกมาจากปากของเขาคนนั้น คนที่ผมทุ่มเท ชื่นชม มุ่งมั่น ไว้ใจเชื่อใจตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา มาเข้าเรื่องเลยละกัน

                       เมื่อแปดปีที่ผ่านมาผมได้รู้จักกับชายคนหนึ่งทางโลกโซเซียลซึ่งผมไม่เคยคิดเลยว่า โลกโซเซียลจะนำพาเอาผู้ชายคนนี้เข้ามาในชีวิตของผม ครั้งนั้นที่คุยกันในสมัยที่ Hi 5 กำลังเฟื่องฟูต้องบอกอย่างนั้นครับ มันเป็นยุคบุกเบิกของโลกโซฯ ตามมาด้วย MSN ทุกๆ วันเราจะส่งข้อความให้กันเสมอ ไม่เคยมีวันไหนที่เราจะไม่ส่งถึงกันเลยข้อความที่ส่งถึงกันไม่ใช่แค่ ร้อยหรือสองร้อยแต่เป็นพันๆ ข้อความ ผมเก็บรักษาอย่างดีกับข้อความนั้นเพราะเมื่ออ่านครั้งใด ผมเป็นต้องอมยิ้มทุกครั้งเลยทีเดียว นั่นคือ เสี้ยวนาที ชั่วโมงแห่งความสุข วันหนึ่งเราก็เริ่มสนิทกันมากขึ้นจากการคุยกันในโลกโซเซียล ใครจะไปคิดละครับว่าคนในนั้นจะเดินออกมาหาเราได้จริง ในขณะที่ผมพิมพ์ข้อความโต้ตอบกัน ผมได้ทิ้งเบอร์โทรส่วนตัวเอาไว้ให้เขา แล้วทิ้งท้ายเอาไว้ด้วยว่า “ว่างๆ โทรหาพี่ได้นะ น้อง” จากนั้นไม่นานผมก็ได้รับสายเรียกเข้าเป็นเบอร์ที่ผมไม่ได้เมมชื่อเอาไว้ “สวัสดีครับ จะพูดสายกับใครครับ” เสียงปลายสายตอบมาว่า “ก็พี่ให้ผมโทรหาใครก็คุยกับคนนั้นแหละ ครับ” บอกตามตรงผมนี้ งง เลยครับ “ใครครับเนี่ย ต้องขอโทษจริง” ผมตอบออกไป “พี่จำไม่ได้เหรอครับ พี่ให้เบอร์ใคร แล้วพี่บอกให้ใครโทรหา” คราวนี้ผมเข้าใจทันที “แชมป์เหรอ เออ!!! ว่าไงล่ะ” นั่นเป็นครั้งแรกที่เราเริ่มสนทนากัน ใครจะไปรู้ล่ะครับ ว่าเขาจะโทรมาหาเราจริงๆ นับตั้งแต่นั้นมาเราก็จะโทรคุยกันตลอด ถ้าไม่โทรเราก็จะส่งข้อความให้กันเสมอไม่มีวันไหนที่เราจะไม่คุยกันเลย มันยิ่งทำให้ความสนิทสนมจากที่ก่อตัวขึ้นทีละน้อยทวีมากขึ้นทุกวันๆ

                       และแล้วเหตุการณ์หนึ่งก็บังเกิดขึ้นกับผมเมื่อแชมป์โทรมาบอกผมว่า “พี่ครับ ผมต้องขึ้นไปที่แพร่นะครับ” บอกตามตรงผมตื่นเต้นมากๆ “เหรอ มาวันไหนล่ะ มาเลยนะ จะได้กินข้าวกันเดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง” แชมป์ตอบตกลงทันที ผมงี้ตื่นเต้นมากนับเวลาที่จะได้พบหน้าน้องเขาเลยทีเดียว เมื่อถึงเวลาผมรีบไปที่ร้านทันทีและแล้วเราก็ได้พบกันครับผมตื่นเต้นมาก “เดี๋ยวสั่งอาหารกินได้เลยนะ พี่ขอตัวไปฉี่แป๊บ” พอผมทำธุระเสร็จกลับมานั่งปรากฏว่าอาหารเกลี้ยงเลยทีเดียว “ทำไมกินเร็วจัง” แชมป์อมยิ้ม “ธรรมดาพี่ ทหารก็งี้แหระ กินไวทำเวลา” ผมอึ้งเลยครับ ทหารกินไวจริงๆ ทำธุระ แป๊บเดียวข้าวเกลี้ยงจานเลยเชียวเราคุยกันไม่นานต่างก็แยกย้ายกันไปเพราะต่างคนต่างมีงาน จากนั้นความสัมพันธ์ของเราก็คืบหน้ามาเรื่อย เรายังคงติดต่อพูดคุยกันตลอด      จนเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตหรือเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรประจำวันไปเลย

                       ไม่นานแชมป์ก็ได้ย้ายที่ทำงานมาอยู่ที่ทำงานใหม่ซึ่งผมดีใจมากๆ เพราะว่ามันขยับเข้ามาใกล้กันอีกนิดหนึ่งถึงแม้ว่าจะคนละจังหวัดก็ตามที ทุกๆ วันศุกร์เราจะมีนัดทำกิจกรรมร่วมกันเสมอๆ หนักเข้าผมถึงกับนอนค้างอ้างแรมเลยทีเดียว “พี่ๆ ผมได้บ้านพักแหละ” แชมป์บอกเมื่อเราได้สนทนากัน “อ้าวรึ ดีเลยเดี๋ยวพี่ไปช่วยทาสีบ้านนะ” ผมงี้เร่งวันเร่งคืนให้ถึงวันศุกร์ไวๆ เพื่อที่จะขับรถไปหา “พรุ่งนี้ แชมป์ทำงานใช่มั้ย” แชมป์อมยิ้มก่อนตอบ “ครับพี่ ทำไมอ่ะ พี่เหงาหรา” ไม่ถามเปล่ายังจะหันมาทำตาหวานใส่อีก “เปล่าๆ พี่ถามเฉยๆ เรานี่” แต่ผมก็มีความสุขทุกครั้งที่ได้มาอยู่ มาทำกิจกรรมร่วมกัน ทำอาหาร ได้เที่ยว ได้เดินชมสถานที่ต่างๆ นั่นมันคือความสุข วันนั้นแชมป์ออกไปทำงานผมอยู่บ้านพักจึงได้ไปซื้อสีที่ผมและแชมป์ชอบ  มาทาสีบ้านให้ดูดีกว่าเดิมทุกอย่างที่ผมทำมันมีความหมาย มีความสุขเพราะผมทำด้วยหัวใจและตั้งใจที่จะทำ เย็นๆ แชมป์กลับจากที่ทำงานก็มาช่วยผมทาสีบ้านเราหยอกล้อเล่นกันอย่างสนุกสนาน “ป้ายแก้มหน่อยพี่ ผมแต้มให้” ไม่พูดเปล่าตวัดแปรงทาสีมาหาทันที ผมหลบอุตลุดทีเดียว “เฮ้ย!!! ไม่ๆๆ อย่าเล่นแบบนี้เลอะเทอะ” แชมป์หัวเราะปากกว้างอย่างคนอารมณ์ดี ทาสีบ้านไปหยอกกันไปไม่นานก็เริ่มเสร็จสวยงามทีเดียว “แหมๆ กลัวไปได้ พี่ติณ” ผมยิ้ม “เอาบ้างมั้ยละ!!! แชมป์ พี่ป้ายให้” แชมป์กระโดดหลบพัลวัน “ไม่อ่ะ” แล้วก็หัวเราะสนุกสนานตามนิสัยขี้เล่น “โธ่!! ไม่แน่จริงนี่น่า” แชมป์ยักคิ้วล้อเลียนผมทันที “แบร่ๆๆ คนแก่ขี้ใจน้อย หยอกๆๆ นะ” ดูมันว่าผมพอเริ่มสนิทมากขึ้นความเกรงใจก็เริ่มลดน้อยถอยลงทีเดียว “เออ!!! ไม่แก่มั่งให้มันรู้ไป” แชมป์ยังคงหน้าระรื่น “นั่นไงๆ ใจน้อยจริงๆ ด้วย” แชมป์ยังแหย่ผมไม่หยุด “โอ๋ๆๆ คนแก่” ว่าพลางก็หัวเราะไปพลาง ผมนี้หมั่นไส้มันจริง “แหมๆ ไอ้เด็กโย่งเอ๊ย!!!” มันหาได้สลดไม่ยังคงต่อปากต่อคำกับผมต่อ “ทำไมคร้าบบบ คนแก่ขี้เมา ฮ่าๆๆๆๆ” ดูมันไม่ลดราวาศอกให้ผมจริงๆ เลยครับ  แต่ผมก็มีความสุขที่ได้อยู่ใกล้ๆ มัน  เพราะแชมป์ทำให้ชีวิตของผมมีสีสัน เติมเต็มส่วนที่ขาดหายของผมให้ดูมีชีวิตชีวาเลยทีเดียว  ทุกๆ เย็นของวันศุกร์ผมจะมีความสุขมากๆ เพราะเราจะได้เจอกัน เที่ยวด้วยกัน นอนดูดาว ทำกิจกรรมร่วมกัน ที่สำคัญผมนับวันนับเวลาที่จะให้ถึงวันศุกร์ที่เต็มไปด้วยความสุขทุกๆ ครั้งที่เตรียมตัวจะไปหาแชมป์วันนี้ก็เช่นกัน ผมรีบตะบึงรถไปพิษณุโลกด้วยความอิ่มเอมในใจ เพราะวันนี้เราก็มีกิจกรรมที่ทำร่วมกันเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา “ไง พี่วันนี้จะพาผมไปเที่ยวที่ไหนดี ผมว่าเราหาทำเล หรือที่เหมาะๆ ถ่ายรูปชิลด์ๆ กันดีกว่านะ รึพี่ว่าไง” ผมได้แต่ยิ้มรับ “อืม...ก็ตามสบายเลย พี่อะไรก็ได้แล้วแต่เราเลยละกัน” แชมป์อมยิ้ม “ผมว่าแล้ว” ว่าแล้วผมกับแชมป์ก็ตะเวนเที่ยวในตัวเมืองพิษณุโลกประหนึ่งว่าเป็นนักเที่ยวก็ไม่ปาน

                       วันหนึ่งผมรีบบึ่งรถ ต้องเรียกว่าบึ่งครับเพราะผมเร่งรีบอย่างมาก เพื่อให้ถึงยังจุดหมายปลายทางอย่างเร็วไว เพราะจุดหมายที่รอผมอยู่นั้นเขาไม่สบาย เขาป่วย แต่ใจของผมไม่สบายยิ่งกว่าเป็นห่วงอย่างท่วมท้นแม้รถจะแล่นทะยานไปเร็วเท่าใด แต่ใจของผมนั้นถึงยังจุดหมายปลายทางนานแล้ว ไม่นานผมก็เดินทางมาถึงจุดหมายปลายทาง พอเปิดประตูเข้าไปเท่านั้นแหละ

    บ้านช่องเงียบเชียบเพราะคนป่วยนอนนอนซมอยู่ข้างบน ผมรีบวางกระเป๋าแล้วตรงไปที่ห้องนอนของแชมป์ทันที รีบเปิดประตูผมปราดเข้าไปเอามืออังที่หน้าผากเบาๆ คนป่วยนอนนิ่งๆ ส่ายหน้าน้อยๆ เมื่อมือผมสัมผัสโดนที่หน้าผากนั้น ไอร้อนกระทบกับหลังมือของผมอย่างจังๆ อุ๊บ!!! ผมชักมือกลับแทบไม่ทัน พอได้สติผมจึงรีบวิ่งลงมาชั้นล่าง เตรียมน้ำเปล่าชุบผ้าขนหนูผืนเล็กๆ เพื่อเช็ดตัวให้คลายไอร้อนที่แผ่ซ่านนั้นทันที เมื่อผ้าชุบน้ำสัมผัสกับใบหน้าของแชมป์ แชมป์ตัวสั่นน้อยๆ ทันที ปากก็พูดเพ้อ “หนาวๆ ผมหนาว” สองมือไขว่คว้าในอากาศ ผมสงสารจับใจรีบเช็ดตัวเพื่อให้ไอร้อนคลายทันที คืนนี้สงสัยจะยาวนาน ผมนั่งลงข้างๆ เตียงไล่ความเมื่อยขบจากการขับรถนั่งมองหน้าแชมป์ที่แดงระเรื่อ เพราะพิษไข้ ผมเตรียมยาพาราที่หาได้จากตู้ยาสามัญประจำบ้าน ประคองให้แชมป์กินอย่างทุลักทุเล ผมยังคงนั่งเฝ้าไข้แชมป์ต่ออย่างเป็นห่วงคอยจับตัวบ่อยๆ เพื่อดูว่าไข้ลดบ้างหรือไม่ เมื่อได้ยาไข้ก็ลดลงผมเลยม่อยหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ แล้วสะดุ้งตื่นอีกทีเพราะผ้าห่มที่แชมป์ห่มตกมาโดนตัว ผมรีบชะโงกหน้าดูแชมป์ว่าเป็นอย่างไรบ้าง แต่ตัวแชมป์สั่นปากก็บอกว่า “หนาวๆ” ตลอดเวลาผมไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่โอบกอดแชมป์ไว้กับอกเพื่อแก้หนาวให้ (ไม่ใช่แผนนะครับ แต่เคยดูจากในหนังมา) เหมือนแม่เหล็กคนละขั้วมาสัมผัสกันแรงดึงดูดมหาศาลไม่รู้มาจากไหน ทำให้เราสองคนเกี่ยวกวัดเข้าหากันอย่างไม่มีใครต้านใคร คืนนั้นทั้งคืนที่เราทั้งสองสนิทกันมากและมากที่สุด เราได้ก้าวผ่านกำแพงบางๆ นั่นมาอย่างตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แต่ใครละจะสนในเมื่อเราทั้งสองมีแต่ความเข้าใจให้แก่กัน

                       เมื่อมาถึงจุดนี้ความสัมพันธ์ของเรายิ่งแนบแน่นมากขึ้นเป็นทวีคูณ ผมขึ้นลงระหว่างที่ทำงานกับบ้านพักของราวกับว่าเป็นเรื่องปกติที่ต้องปฏิบัติเป็นประจำ ถึงเวลาเป็นต้องลงมาที่บ้านพักของแชมป์ทันทีเราออกทริปด้วยกันบ่อยๆ นั่งร้านกาแฟ จิบชาเขียว ชิมบราวนี่

     บราวนี่คือขนมที่เราสองคนชอบมว๊ากกกก  โดยเฉพาะแชมป์ชอบมาก คราวนี้เราตัวติดกันยิ่งกว่าอะไร แต่เราตกลงกันว่า หากว่าใครๆ ถามว่า เราเป็นอะไรกันหรือถามว่าน้องเป็นใคร เราก็จะตอบให้เหมือนกันว่า เป็นพี่น้องกัน ซึ่งมันก็ได้ผลดีทีเดียวเพราะนอกจากไม่มีใครถามต่อแล้วนั้น เรายังสามารถไปไหนต่อไหนกันได้อย่างสบายใจ จนบ้านของเราทั้งสองเป็นส่วนนึงของกันและกันไปเลยทีเดียวมีแชมป์ที่ไหน ต้องมีติณที่นั่นมันเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่ล้นหลามมากๆ “พี่ติณครับ ผมมีเรื่องจะบอก” ผมมองหน้าแชมป์ “ว่าไง พูดมาซิ มีอะไร” ผมถามและ งงๆ กับคำบอกเล่านั้น “คือ ผมต้องไปเมืองนอกครับ ไปเรียนสักพักหนึ่ง ผมเลยบอกพี่ไว้ก่อน”ผมอึ้งกับประโยคบอกเล่าของแชมป์ คำถามมากมายก่อตัวขึ้นในหัว ทำไมต้องไปในเมื่อเราได้อยู่ใกล้กันแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว ทำไมต้องไปให้ไกลกันอีก เหมือนแชมป์จะรู้ทันแชมป์เดินเข้ามากอดผมจากด้านหลัง “ผมไปไม่นานเดียวก็กลับนะ พี่ เราก็ยังคุยกันได้เหมือนเดิม เมื่อก่อนเราอยู่ห่างกันตั้งไกลเรายังคุยกันได้เลยนี่” ผมยิ้มก่อนที่จะพยักหน้ารับรู้กับปัญหานั้น “อืม...ได้ๆ พี่จะไม่คิดมาก” แชมป์ยิ้มจนตาหยี “ผมรักพี่ที่สุดเลยครับ ที่พี่เข้าใจผม” นั่นเป็นคำบอกเล่าของแชมป์เป็นคำพูดเรียบๆ ง่ายๆ แต่การปฏิบัติมันยากมากๆ ความสัมพันธ์ของเราในตอนนี้เริ่มคลุมเครือไม่แน่ชัด เหมือนแชมป์เริ่มถอยห่างผมออกไปยังไงไม่รู้ ลางสังหรณ์บางอย่างบอกผมอย่างนั้น แต่ผมก็ยังคงพยายามทำตัวให้เหมือนเดิมปกติทุกอย่าง ตลอดระยะเวลาที่เราต้องห่างกันผมจะลงรูปกิจกรรมต่างๆ ที่เมืองไทยส่งไปให้แชมป์ได้ดูเสมอๆ หัดทำขนมที่เขาชอบและไปส่งไปให้ดู

                       ตอนนี้ความคิดถึงของผมมันมากมายเหลือเกินผมพยายามทำโน่น นี่ นั่น เพื่อให้คลายความคิดถึงยอมอดหลับอดนอนเพื่อรอที่จะคุยกับแชมป์  เพราะเวลาที่มันต่างกันแต่ผมก็อดทน เพื่อที่จะได้คุยกับเขา “อยู่ที่โน่นเป็นไงมั่งแชมป์ ห่มผ้านอนด้วยนะ พี่เป็นห่วง” ผมส่งความห่วงใยไปให้เขา “ไม่ต้องห่วงครับพี่ ผมสบายดี ดึกแล้วนะ พี่ยังไม่นอนรึ พรุ่งนี้ทำงานจะแย่เอานะ” เสียงตอบของแชมป์ช่างอบอุ่นนักในความรู้สึกตอนนี้ “ไม่เป็นไร แค่ได้คุยกับแชมป์นี่แหระ ความสุขของพี่ คิดถึงนะ” ผมบอกตามที่ผมรู้สึกจริงๆ “ผมก็คิดถึงพี่นะ แต่ถ้าพี่ไม่สบายเพราะผม ผมก็ไม่ OK นะพี่ติณ” ผมอมยิ้มคนเดียวแม้จะเหนื่อยแสนเหนื่อยแต่การที่ได้คุยกับคนพิเศษแล้วมันช่างหาความสุขที่ไหนจะเทียบได้ “รับรองน่า พี่จะดูแลตัวเองให้ดี ไม่มีวันป่วยก่อนที่แชมป์จะกลับมาหรอก หรือถ้าแชมป์เป็นห่วงพี่ก็รีบกลับมาดูแลพี่เร็วๆ ซิ” เสียงแชมป์หัวเราะหึ หึ ในลำคอ “ดึกมากแล้ว ผมว่าพี่นอนได้แล้วนะ พรุ่งนี้เราค่อยคุยกันใหม่ ผมเป็นห่วงพี่นะครับ” แชมป์เป็นห่วงผมแค่นี้ผมก็มีความสุขจนหาที่เปรียบไม่ได้แล้ว “ฝันดีนะ แชมป์” แชมป์ตอบกลับทันที “ฝันดี เช่นกันครับพี่ เป็นห่วงพี่นะครับ” ผมอมยิ้มคนเดียวในความมืด  ทุกคนนอนหลับกันหมดจนแทบจะได้ยินเสียงหายใจ มีเพียงผมที่นั่งเงยหน้ามองท้องฟ้า ยามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยกลุ่มดาวมากมาย ที่พรั่งพราวเกลื่อนกราดราวกับว่าแอบฟังผมกับแชมป์สนทนากัน เป็นอีกวันที่ผ่านไปอย่างมีความหมายและอีกหลายครั้งที่เราก็ยังคงพูดคุยกันอย่างมีความสุข ผมเริ่มนับวันให้ถึงวันที่แชมป์จะกลับมาอย่างดีใจและคิดถึงเป็นที่สุด ผมไม่เคยรู้เลยว่าแชมป์จะไม่มาเจอกับผมอีก และนั่นจะเป็นการพูดคุยครั้งสุดท้ายที่เราจะไม่ได้พบหน้ากันอีกเลย ผมยังคงนั่งทำขนมที่แชมป์ชอบอย่างตั้งใจเพื่อว่า เมื่อแชมป์กลับมาจะได้มานั่งทานด้วยกันและจะได้ช่วยกันติชมรสชาติที่ต้องเพิ่มเติมลงไปให้มันได้รสที่เราต้องการ

                       วันนั้นเป็นวันที่แชมป์ต้องเดินทางกลับมาจากต่างประเทศผมเตรียมขนมเอาไว้ให้แชมป์ อย่างมีความสุขและนั่งรออย่างใจจดใจจ่อ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมไม่เคยล่วงรู้มาก่อนเลยว่า แชมป์คุยกับใครอีกมั้ยเมื่อเขาอยู่คนเดียวเขาแอบคบใครอีกมั้ย นอกเหนือจากที่เราคุยกัน เพราะว่าสิ่งที่ผมประสบ คือ อยู่มีผู้หญิงนางหนึ่งเข้ามาในชีวิตของแชมป์ ผู้หญิงนางนี้เดินทางมารับแชมป์และมุ่งตรงไปที่บ้านของแชมป์แต่ที่น่าเสียใจที่สุดคือ ทางเส้นนั้นมันผ่านบ้านของผมไป แต่ผมก็คิดเพียงว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวขากลับค่อยแวะก็ได้ แต่เปล่าเลยเขาไม่แวะแต่อย่างใด นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกนอยด์มากๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นมีอะไร เป็นอะไรและอะไรๆๆ คำถามมากมายพรั่งพรูเข้ามาในสมองมันเกิดอะไรขึ้น เกิดขึ้นตอนไหน ผู้หญิงนางนี้ นางทำซื่อคุยกับผมถามโน่น นี่ นั่น เหมือนต้องการจะล้วงลึกอะไรบางอย่าง ซึ่งผมได้สนใจไม่ก็แค่ “ชะนี” นางหนึ่งเท่านั้นไม่ได้มีความหมายอะไรกับผมเลย ถ้านางจะไม่ล้ำเส้นเข้ามาเรื่อยๆ จนผมเริ่มหันมามองพิจารณาในสิ่งที่นางทำ นางพูดว่า “มันคือ อะไรค่ะ ระหว่างพี่ติณกับแชมป์หนู งง ไปหมดแล้วค่ะ มันเกิดอะไรขึ้นค่ะ พี่ติณหนูไม่เข้าใจจริงๆ” นี่คือสิ่งที่นางรำพึงรำพันออกมาในขณะที่สนทนากันครั้งหนึ่ง เหมือนจะเคลียร์แต่สิ่งที่นางเอาไปพูดต่อกับทำให้ผมกับแชมป์ยิ่งทวีคูณความเหินห่าง และหมางเมินกันมากยิ่งขึ้นถ้าจะให้พูดตามปะสาชาวบ้านก็คงต้องบอกว่า “เมิง...หยุดสตรอซะที ได้มั้ย ไอ้ที่บอกไม่รู้ไม่เข้าใจ งง ของหล่อนเนี่ยนะ มันยิ่งทำให้เรื่องบานปลายใหญ่โตมากยิ่งขึ้นไปอีก” แต่ผมก็ไม่ได้ทำแบบนั้นจริงๆ หรอกได้แต่คิดเพียงเท่านั้นเอง แต่ในที่สุดความโมโหก็มีพลังเหนือสิ่งอื่นใดเข้าครอบงำผมจนได้ วันหนึ่งผมก็ได้โพร่งว่านางไปหลายต่อหลายคำแต่ทีเด็ดไปกว่านั้น นางได้แคปหน้าจอเอาไปให้แชมป์ได้อ่านด้วย แชมป์โกรธผมมากถึงมากที่สุดซึ่งแชมป์ไม่เคยโกรธผมขนาดนี้มาก่อนเลย คำหนึ่งที่เราได้คุยกันเหมือนจะปรับความเข้าใจแต่เปล่าเลย “พี่ทำเกินไปแล้วนะ พี่ไปด่าดาวทำไม ดาวบอกผมหมดแล้ว” ผมอึ้ง “พี่ไปด่าเขาว่าไงล่ะ แชมป์” แชมป์ยังโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง “อ่ะ นี่ไงดาวเขาส่งมาให้ผมดู พี่แย่มากกว่าที่ผมคิดนะ พี่ทำได้ไง ดาวไปทำอะไรให้พี่” ผมพยายามที่จะอธิบายถึงความร้ายกาจของนาง “ชะนี” แต่ไม่เป็นผลเลย “ตกลงแชมป์จะไม่ฟังพี่เลยใช่มั้ย พี่ต้องเป็นคนผิดตามที่ดาวบอกใช่มั้ย พี่ต้องเป็นคนที่แย่ในสายตาแชมป์ใช่มั้ย พี่ต้องเป็นคนที่ทำให้แชมป์ดูแย่ใช่มั้ย” แชมป์เมินไม่มองหน้า นิ่งอยู่อย่างนั้น “ได้งั้น ต่อไปนี้พี่จะไม่ยุ่งไม่ข้องเกี่ยวกันอีก พอใจมั้ย แต่จำไว้อย่างนะ แชมป์คนเราเป็นอะไร ก็ย่อมจะเป็นแบบนั้นมันเปลี่ยนแปลงกันไม่ได้ง่ายๆ หรอก” แชมป์หันขวับตอบผมทันที “พี่ครับ ผมไม่ได้เป็นแบบพี่นะ อย่ามาทำลายชีวิตของผม เพราะพี่ได้ทำลายความรู้สึกดีๆ เหล่านั้นไปหมดแล้ว” ผมรู้สึกเจ็บปวดที่สุดกับคำพูดนี้เป็นที่สุด ผมกลายเป็นคนทำลายชีวิตเขาเหรอนี่ ผมกลายเป็นคนทำให้ชีวิตเขาเลวร้ายลงเหรอ แล้วที่ผ่านมามันคืออะไร มันไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่า “รัก” หรืออย่างไร ถ้าไม่ใช่แล้วมันคืออะไร แค่อารมณ์คล้อยตามกันไปเพียงเท่านั้นรึ แล้วทำไมถึงได้คล้อยตามกันนานเป็นปีๆ นี่มันเรียกว่าอะไร และคำถามต่างๆ ก็สุมกันอยู่ในหัวของผมจนไม่มีที่ว่าง ในขณะนี้ถ้าใครมาถาม หรือชวนคุยถึงเรื่องนี้น้ำตาของผมก็คงจะไหลรินอยากที่จะห้ามได้ ความรัก ความผูกพันธ์ มันมากมายพอสมควรนะครับกับความรักครั้งนี้ ยากตรงที่เราจะตัดให้ขาดสะบั้นทีเดียวนี่แหละ คนที่ไม่เหลือใจง่ายที่จะตัด แต่คนที่ยังมีใยนี่ซิครับตัดยากจริงๆ แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อความดี ความรัก ความผูกพันธ์สำหรับเขามันไม่เหลือความสำคัญ ไม่เหลือความหมายให้จดจำทุกสิ่งอย่างมันเป็นเพียงผมคนเดียวที่คิดไปเอง ก็เขาบอกกับผมเองอย่างนั้น

                       ยังไม่จบนะครับ เมื่อไปเจอเขาที่งานบวชเพื่อนคนหนึ่งต่อหน้าผู้คนเยอะแยะ เขาก็ทำทีทักทายผมอย่างเป็นปกติ แล้วก็เลี่ยงไปเหมือนกับว่าผมนี้น่าเกลียดน่ากลัวนักหนา ตอนนี้ผมคิดว่ามันแค่เริ่มต้นซินะ ผมทราบนะครับว่า “ความรัก ในแบบ ของผมมันไม่แน่นอน แต่ก็นั่นแหละครับ ความรักโดยทั่วไปของคนทั่วไป ก็ไม่มีความแน่นอนเช่นกัน” เมื่อคิดได้เช่นนี้ผมจึงหยุดความเสียใจ ความน้อยใจลง มุ่งมั่นที่จะทำหน้าที่และทำงานให้ดีที่สุดจะดีกว่า อย่างน้อยๆ ผมยังมีครอบครัวมีพ่อ แม่ พี่สาว หลานๆ ที่น่ารักอีก ทำไมผมต้องแคร์คนอื่นมากกว่าคนในครอบครัว เมื่อคิดได้เช่นนี้ ผมจึงตั้งหน้าตั้งตาทำหน้าปฏิบัติหน้าที่ให้เต็มที่ พอกันทีความผูกพันธ์ พอกันทีความรักที่คิดไปเองเพียงลำพังหรือเปล่า??? คนเรานั้นจะหนีสิ่งที่เป็นตัวตนที่แท้จริงของตนเองได้อย่างไร ถึงยังไงใจก็ต้องโหยหาสิ่งที่เคยเป็นดั่งเฉกเช่นเดิม ไม่เลือนหายไปไหนได้หรอก.....คุณ..เชื่อผมมั้ย?? ก็แค่เพียง...เขาเผลอใจไปกับผมเพียงเท่านั้น!!!!!

     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×